บทความเกษตร » การเลี้ยงกบนาในกระชังบก จัดการง่ายประหยัดต้นทุน

การเลี้ยงกบนาในกระชังบก จัดการง่ายประหยัดต้นทุน

5 กรกฎาคม 2023
546   0

การเลี้ยงกบนาในกระชังบก จัดการง่ายประหยัดต้นทุน

การเลี้ยงกบนาในกระชังบก

ทำความรู้จัก “กบนา”

กบที่เหมาะสมจะนำมาทำการเพาะเลี้ยงนี้ ได้แก่ กบนา ซึ่งถ้าเลี้ยงอย่างถูกต้องตามวิธีการและใช้เวลาเพียง 4-5 เดือน จะได้กบขนาด 4-5 ตัว/กก. เป็นกบที่มีความเจริญเติบโตเร็ว โดยมีอัตราการแลกเปลี่ยนอาหาร 3-4 กก. ได้เนื้อกบ 1 กก. ทั้งยังเป็นกบที่มีผู้นิยมนำไปประกอบอาหารบริโภคกันมากกว่ากบพันธุ์อื่น ๆ

ลักษณะของกบนานั้นตัวผู้จะมีขนาดเล็กกว่า กบตัวเมียและส่วนที่เห็นได้ชัดก็คือกบตัวผู้เมื่อจับพลิกหงายขึ้นจะเห็นมีกล่องเสียง อยู่ใต้ค้างแถวๆมุมปากลางทั้งสองข้าง ในช่วงฤดูผสมพันธุ์กบตัวผู้จะเป็นผู้ ส่งเสียงร้อง และในขณะที่ร้องนั้นส่วนของกล่องเสียงจะพองโตและใส่ ส่วนตัวเมียนั้นจะมองไม่เห็นส่วนของกล่องเสียงดังกล่าว กบตัวเมียก็ร้อง เช่นเดียวกันแต่เสียงออกเบา ถ้าอยู่ใน ช่วงฤดูผสมพันธุ์ กบตัวเมียที่มีไข่แก่จะสังเกตเห็นส่วนของท้องบวมและใหญ่กว่าปกติขณะเดียวกันที่กบตัวผู้จะส่งเสียงร้องบ่อยครั้ง และสีของลำตัวออกเป็นสีเหลืองอ่อน หรือมีสีเหลืองที่ใต้ขาเห็นชัดกว่าตัวเมีย ถึงอย่างไรสีของกบจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพสิ่งแวดล้อมและที่อยู่อาศัย

การเลือกพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์กบนา

โดยธรรมชาติ กบจะเริ่มจับคู่ ผสมพันธุ์และวางไข่ในฤดูฝน พ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ที่ดีต้องมีอายุอย่างน้อย 1 ปี ขึ้นไป กบตัวผู้ จะมีกล่องเสียงอยู่ใต้ค้างทั้งสองข้างขากรรไกร ลักษณะวงกลมสีคล้ำ เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ กบตัวผู้จะส่งเสียงร้อง ส่วนของกล่องเสียงนี้จะพองโต แต่ลักษณะนี้จะไม่มีในกบตัวเมีย ซึ่งตัวเมียนั้น เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ที่ส่วนท้องจะขยายใหญ่ และกบตัวเมียที่ยังมีไข่อยู่ในท้องจะมีความสากข้างลำตัวทั้งสองด้าน เมื่อใช้นิ้วสัมผัสจะรู้สึกได้ และเมื่อไข่ออกจากท้องไปแล้ว ปุ่มสากเหล่านี้ก็จะหายไป อนึ่ง กบตัวเมียก็จะส่งเสียงร้องเช่นกัน แต่เป็นเสียงที่เบามาก และกบตัวเมียที่รู้ตัวว่ามีไข่แก่อยู่ในท้องจะเป็นผู้เดินทางมาหาตัวผู้ตามเสียงร้องเอง

กระชังเพาะพันธุ์กบนา

สำหรับกระชังเพาะพันธุ์กบนั้นก็ไม่มีอะไรยุ่งยากมากนัก เพราะเป็นกระชังสำเร็จรูป ซึ่งใช้เวลาทำไม่นานมากนัก สำหรับอุปกรณ์และวิธีการทำนั้น จะมีวิธีการดังนี้

  • เตรียมไวนิลที่ไม่ใช้แล้ว และหลี่ไนลอนขนาดความกว้าง 1.5 เมตร
  • นำหลีไนลอนมาเย็บติดกับของของป้ายไวนิลที่เตรียมไว้ ตามขนาดตามที่ต้องการ เพื่อทำให้ไวนิลนั้นเป็นพื้นของกระชังเพาะพันธุ์กบนา สำหรับกักเก็บน้ำ หรือจะเรียกกระชังเพาะพันธุ์กบนา อีกอย่างหนึ่งว่า กระชังบก

หมายเหตุ** สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ ไม่ว่าจะเป็นทางกลุ่ม Facebook หรือ เว็บทั่วไปได้ ราคาก็ไม่ได้แพงมากจะช่วยให้เราประหยัดเวลาได้มากขึ้นครับ

ขั้นตอนการเพาะพันธุ์กบนา

เมื่อเราเตรียมกระชังเพาะพันธุ์กบนาแล้ว ภายกระชังควรมีพืชน้ำ เช่น ผักบุง ผักตบชว่าเล็ก ๆ และน้ำ แต่ไม่ควรมีน้ำสูงเกิน 5 ช.ม. ถ้ามีน้ำมากจะไม่สะดวกในการที่ตัวผู้โอบรัดตัวเมีย และ ขณะที่ตัวเมียเบ่งไข่ซึ่งต้องใช่แรงขาหลังยันพื้น จนหัวทิ่มน้ำ ซึ่งถ้าน้ำมากขาหลังก็จะลอยน้ำทำให้ไม่มีกำลัง เป็นเหตุให้ไข่ออกมาไม่มาก และขณะที่กบตัวเมียปล่อยไข่ออกมา กบตัวผู้ก็จะปล่อยน้ำเชื้อออกมาผสมกับไข่ทันที อนึ่ง กบจะผสมพันธุ์และว่างไข่ในช่วง 04.00 – 06.00 น. แต่ถ้าอากาศเย็นชุมฉ่ำ เช่น มีฝนตกพรำ อาจจะเลยไปถึง 08.00 น. ก็ได้ เมื่อเห็นว่ากบ่ออกไข่ แล้วจึงนำพอแม่พันธุ์ออกจากบ่อเพาะ เพื่อป้องกันไม่ให้แพไข่แต่ก เนื่องจากการเคลื่อนไหวของกบบ่อผสมพันธุ์นี้เมื่อ ปล่อยพ่อแม่กบ ลงไปแล้ว ไม่ควรไปรบกวนหรือมีสิ่งอื่นใดทำให้กบตกใจ ซึ่งเป็นเหตุให้กบไม่ผสมพันธุ์ และออกไข่ได้

การอนุบาลกบนาวัยอ่อนแรกเกิด

เมื่อไข่กบฟักออกเป็นตัวอ่อนแล้ว ช่วงระยะ 2 วันแรก นั้นยังไม่ต้องให้อาหารลูกกบเพราะลูกกบยังใช้ไข่แดงที่ติดมาเลี้ยงตัวเอง หลังจากนั้นจึงค่อยเริ่มให้อาหาร เป็นไข่แดงต้ม ลูกออดจะมีอายุ 20-30 วัน จึงเป็นลูกกบเต็มวัยในช่วงนี้จะต้องหาไม่กระดาน ขอนไม้หรือแผ่นโฟมลอยน้ำเพื่อให้ลูกกบเต็มวัยขึ้นไปอาศัยอยู่ และให้อาหารเป็นอาหารเม็ดสำหรับลูกกบแทน

การเลี้ยงกบนาในกระชังบก

การเลี้ยงกบนาโตเต็มวัย

ลูกออดเมื่อเจริญเติบโตเป็นกบเต็มวัยแล้ว มันจะขึ้นจากน้ำไปอาศัยอยู่บนบกหรือวัสดุอื่นๆ ที่ลอยน้ำได้ เมื่อคัดขนาดนำไปเลี้ยงในบ่อแล้วต้องเตรียมอาหารให้ ถ้าเป็นลูกออดที่เคยให้อาหารเม็ดกินแต่แรก ก็สามารถให้อาหารเม็ดดังกล่าวกินได้ต่อไป การเลี้ยงกบในกระชังนี้สืบเนื่องมาจากการเพาะพันธุ์กบ คือ เมื่อเพาะกบและเลี้ยงลูกออดจนเป็นกบเต็มวัยแล้วจึงคัดขนาดลูกกบนำไปเลี้ยงในบ่อชีเมนต์หรือในกระชังอื่น ๆ หรือจำหน่าย ส่วนที่เหลือก็เลี้ยงต่อในกระชังต่อไป พื้นที่ใต้กระชังใช้แผ่นกระด้านหรือแผ่นโฟมสอดด้านล่าง เพื่อให้เกิดส่วนนูนในกระชังและกบได้ขึ้นไปอยู่อาศัยส่วนรอบ 1 หรือขุดหลุมตรงกลางกระชัง เพื่อให้เกิดที่ให้น้ำขังและภายนอกกระชังใช้วัสดุ เช่น แฝกหญ้าคา หรือทางมะพร้าว เพื่อไม่ให้กบมองเห็นทิวทัศน์นอกกระชังมิฉะนั้นกบจะหาหนทางหลบหนีออกโดยกระโดดและชนผืนอวนกระชังเป็นเหตุให้ปากเป็นบาดแผลและเจ็บปวดจนกินอาหารไม่ได้ ส่วนด้านบนกระชังก็มีวัสดุพรางแส่งให้ เช่นกัน

การเลือกสถานที่สร้างคอกกบหรือ บ่อเลี้ยงกบ

  • ควรเป็นที่ที่อยู่ใกล้บ้าน สะดวกต่อการดูแลรักษา และป้องกันศัตรู
  • เป็นที่สูง ที่ดอน เพื่อป้องกันน้ำท่วม
  • พื้นที่ราบเสมอ สะดวกต่อการสร้างคอกและแองน้ำในคอก
  • ใกลแหลงน้ำ เพื่อสะดวกต่อการถ้ายเทน้ำ
  • ให้หางจากถนน เพื่อป้องกันเสียงรบกวน กบจะได้พักผ่อนเต็มที่และโตเร็ว

โรคกบนา วิธีการป้องกันโรคกบนา

ปัญหาโรคกบที่เกิดขึ้นนั้นโดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นปัญหาที่สืบเนื่องมาจากความผิดพลาด ทางด้านการเลี้ยง ทำให้มีการหมักของเสียต่าง ๆ เกิดขึ้นในบ่อเลี้ยงกันอย่างหนาแน่น มีการให้อาหารมาก ประกอบกับการขาดความเอาใจใส่ และไม่เขาใจในเรื่องความสะอาดของบ่อรวมถึงน้ำที่เลี้ยงโอกาสที่กบจะเป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียจึงมีมากขึ้น แบ่งออกได้ดังนี้

1 โรคติดเชื้อแบคทีเรีย เป็นโรคที่ทำความเสียหายให้กับผู้เลี้ยงกบมากที่สุด ทั้งในช่วงที่เป็นลูกออด และกบเต็มวัย ซึ่งในที่นี้จะแยกออกเป็น 2 ลักษณะคือ

    • โรคติดเชื้อแบคทีเรียในระยะลูกออด พบได้ตั้งแต่ระยะที่ไข่ฟักเป็นตัวจนกระทั่งพัฒนาเป็นตัวเต็มวัย อาการที่สังเกตได้คือ ลูกออดจะมีลำตัวดาง คลายโรคตัวดางในปลาดุกจากนั้นจะเริ่มพบอาการท้องบวมและตกเลือดตามครีบหรือระยางคต่าง ๆ  สาเหตุของการเกิดโรคมักจะมาจากการปล่อยลูกออดในอัตราหนาแนนเกินไปมีการให้อาหารมากทำให้คุณภาพน้ำไม่เหมาะสม
    • โรคติดเชื้อแบคทีเรียในระยะเต็มวัย พบทั้งในกบขนาดเล็ก และขนาดใหญ่องค์ประกอบที่จะทำให้อาการของโรครุนแรงมากหรือน้อยคือ สายพันธุ์ของเชื้อแบคทีเรีย Aeromonas และ Pseudomonas และระยะเวลาของการเป็นโรคอาการของโรคโดยทั่วไปที่พบได้แก่ การเกิดแผลที่มีลักษณะเป็นจุดแดง ๆ ตามขาและผิวตัวโดยเฉพาะด้านท้อง จนถึงแผลเน่าเปื่อยบริเวณปาก ลำตัวและขา เป็นต้น

ดังนั้นจึงควรจัดการทำความสะอาดเปลี่ยนถ้ายน้ำบ่อย ๆ ควบคุมปริมาณอาหารให้พอเหมาะ และอย่าปล่อยกบลงเลี้ยงหนาแนนเกินไป

2  โรคที่เกิดจากโปรโตซัวในทางเดินอาหาร โดยทั่วไปจะพบในกบเล็กมากกว่ากบโต อาการทั่วไปจะพบว่ากบไม่คอยกินอาหาร ผอม ตัวซีด เมื่อตรวจดูในลำไสจะพบโปรโตซัว การติดเชื้อโปรโตซัวในทางเดินอาหารนี้ถ้าเป็นติดต่อกันเป็นเวลานานก็จะทำให้กบตายได้ การรักษาควรจะใช้ยา Metronidazole ผสมอาหารให้กินในอัตรา 3-5 กรัม/อาหาร 1 กิโลกรัม กินติดต่อกันครั้งละ3 วัน แล้วเว้นระยะ 3-4 วัน แล้วให้ยาซ้ำอีก 2-3 ครั้ง หรือจนว่ากบจะมีอาการดีขึ้น และกินอาหารตามปกติ

3 โรคท้องบวม โดยทั่วไปจะเกิดกับลูกออดในฟารมที่ไข่น้ำบาดาล การเปลี่ยนน้ำอย่างรวดเร็วโดยใช้น้ำบาดาลที่ไม่ได้พักไว้ก่อน จะทำให้ความดันกาชที่ละลายอยู่ในน้ำลดต่ำลงอย่างเฉียบพลัน มีผลให้ร่างกายของลูกออดต้องปรับความดันกาชในตัวเองลงมาให้เทากับความดันของก๊าซในน้ำ ทำให้เกิดฟองก๊าซขึ้นในช่องว่างของลำตัว ท้องลูกออดจึงบวมขึ้นมา การแก้ไข้จะกระทำได้ยากมากจึงควรป้องกันโดยระมัดระวังในเรื่องการถ้ายน้ำอย่าเปลี่ยนน้ำปริมาณมาก ๆ ในเวลาสั้น ๆ และควรจะมีการพักน้ำและเติมอากาศให้ดีก่อนนำมาใช้โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำบาดา

วิธีการป้องกันโรคกบนา

การเลี้ยงกบที่จะลดอัตราการแพรของเชื้อโรคนั้น ความสำคัญอยู่ที่ลักษณะของบ่อเลี้ยงที่จะ ต้องสะอาด มีแสงแดดส่องลงถึงพื้นได้ ถึงแม่จะมีการพรางแส่งไว้มุมใดมุมหนึ่งก็ตาม น้ำในบ่อเลี้ยงต้องสามารถถ่ายเทได้  ถึงอย่างไรก็ตามไม่ควรเลี้ยงกบหนาแน่นจนเกินไป และถ้าพบกบตัวใดมีอาการผิดปกติควรจับแยกออกเลี้ยงต่างหาก

การเลี้ยงกบนาในกระชังบก

ช่องทางการจัดจำหน่าย/การตลาด

สำหรับผู้เลี้ยงกบหากหลีกเลี่ยงช่วงที่มีการจับกบในแหล่งธรรมชาติก็จะช่วยลดปัญหาด้านราคาตกต่ำแต่อย่างไรก็ตามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทำให้แหล่งที่อยู่อาศัยเลี้ยงตัวตามธรรมชาติของกบลดลง

ดังนั้นแนวโน้มการเลี้ยงกบในอนาคต จึงนับได้ว่ามีลู่ทางแจ่มใส่ ไม่มีปัญหาด้านการจำหน่ายและราคาก็ดีมีผลคุ้มต่อการลงทุน ลงแรง สามารถส่งเป็นสินค้าออกช่วยการขาดดุลให้แก่ผู้ที่สนใจเลี้ยงกบเป็นสัตวเศรษฐกิจชนิดหนึ่งชื่งตลาดนิยมบริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งกบขนาด 4-5 ตัว/กก. ราคาจะอยู่ที่ 60 – 80 บาท/1 กิโลกรัม ถ้าขายลูกกบระยะเวลาเลี้ยง 2 เดือน ราคาจะอยู่ที่ ตัวละ 2 บาท และถ้าขายลูกกบระยะเวลาเลี้ยง 3 – 4 เดือน ราคาจะอยู่ที่ ตัวละ 5 บาท ช่องทางการจัดจำหน่าย/ การตลาด แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ

  •  ช่องทางการจัดจำหน่ายทางตรง คือ เป็นช่องทางที่ผู้ผลิตนำสินค้าสู่ลูกค้าโดยตรงไม่ผ่านคนกลาง
  • ช่องทางการจัดจำหน่ายแบบนี้นิยมใช้ในตลาดธุรกิจมากกว่าตลาดผู้บริโภค โดยทางออนไลน์ ผ่าน Facebook เป็นต้น

เอกสารคำแนะนำ กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. สำนักงานส่งเสริมและฝึกอบรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. ” การเลี้ยงกบนาในกระชังบก “. http://www.eto.ku.ac.th/neweto/e-book/fish/frog.pof ( 5 เมษายน 2562)


บทความที่น่าสนใจ