(คลิป) เลี้ยงหอยเชอรี่สีทอง สร้างรายได้เสริม รสชาติอร่อย | มหาอำนาจบ้านนา
เลี้ยงหอยเชอรี่สีทอง
“พี่แอ๋ว” สาวขอนแก่นแห่งอำเภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น เธอได้ใช้เวลาหลังเลิกงานเเละช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์มาทำฟาร์มเลี้ยงหอยเชอรี่สีทองควบคู่ไปกับการเป็นครูปฐมวัย จุดเริ่มต้นในการเลี้ยงหอยเชอรี่สีทองนั้น จริง ๆ แล้วเกิดจากความอยากกินเป็นการส่วนตัว แต่เลี้ยงไปเลี้ยงมากลับกลายเป็นว่าหอยเชอรี่สีทอง 2 คู่ที่เธอซื้อมาในวันนั้น ปัจจุบันได้ขยายผลผลิตมากมาย จนกลายเป็นรายได้เสริมชั้นดี เพราะจุดเด่นของหอยเชอรี่สีทองนั้นนอกจากเปลือกและเนื้อจะมีสีทองสวยงามแล้ว ในด้านของรสชาติก็เรียกได้ว่ามีความโดดเด่นไม่แพ้กัน เนื้อสัมผัสที่กรอบ นุ่ม และไม่เหนียว ชวนให้เคี้ยวเพลินในทุก ๆ คำ อีกทั้งยังเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีในอนาคตอันใกล้นี้ หอยเชอรี่สีทองน่าจะเป็นอีกหนึ่งคำตอบของว่าที่สัตว์เศรษฐกิจที่น่าจับตามองก็เป็นได้
ติดตามชมรายการมหาอำนาจบ้านนา วันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน 2566 เวลา 16.05 – 16.30 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมย้อนหลังได้ทาง http://www.thaipbs.or.th
ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ เลี้ยงหอยเชอรี่สีทอง
หอยเชอรี่สีทอง เป็นสัตว์น้ำที่เลี้ยงง่าย ทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้ดี นิยมเลี้ยงเพื่อบริโภคเป็นอาหาร เพราะมีรสชาติอร่อย เนื้อแน่น หวานมัน และเลี้ยงเพื่อจำหน่ายอีกด้วย หอยเชอรี่นั้น เป็นหอยที่เลี้ยงง่ายและโตไว ลงทุนน้อยแต่สามารถสร้างรายได้ตลอดทั้งปี หอยเชอรี่เลี้ยงไม่ยุ่งยาก ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงได้ทั้งในบ่อดิน บ่อปูนวงบ่อซีเมนต์ บ่อพลาสติกสำเร็จรูป หรือแม้แต่ในดั่งกาละมังใบใหญ่ๆ ก็มีคนเลี้ยงสร้างรายได้หลักหมื่นมาแล้ว
หอยเชอรี่สีทอง เป็นสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ที่เริ่มมีการเลี้ยงเชิงธุรกิจกันมากขึ้นในทุกภาคของประเทศ แนวโน้มความนิยมบริโภคเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นหอยที่มีโปรตีนสูงและต้นทุนการเลี้ยงต่ำ จุดเด่นของหอยเชอรี่สีทอง เนื้อจะนุ่ม ไม่เหนียวเหมือนหอยเชอรี่ทั่วไป เนื้อจะเป็นสีเหลือง เปลือกจะเป็นสีเหลือง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “เป้าฮื้อน้ำจืด” สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้ง ลวกจิ้ม ผัด ทอด ลาบ ก้อย ยำ แกงคั่ว
การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต
หอยเชอรี่มีเพศแยกได้จากความนูนมากน้อยของแผ่น perculum ถ้าหากนูนมากเป็นหอยเพศผู้หอยขนาดโตเต็มวัยพร้อมที่จะขยายพันธุ์ มีอายุประมาณ 3 เดือน มักจะจับคู่ผสมพันธุ์กันราว 12 ชั่วโมง หลังจากนั้น 1-2 วัน ตัวเมียจะวางไข่ส่วนมากเป็นเวลากลางคืนโดยคลานขึ้นไปวางตามที่แห้งเหนือน้ำ เช่น ตามกิ่งไม้ที่ปักในบ่อ ต้นหญ้าริมน้ำ โคนต้นไม้ริมน้ำข้างๆคันนาและตามต้นข้าวในนา ไข่มีสีชมพูสดเกาะติดอยู่กัน 2-3 นิ้ว แต่ละกลุ่มประกอบด้วยไข่ 388-2,000 ฟอง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของอาหารที่กินสิ่งแวดล้อมและขนาดของแม่หอย ลูกหอยภายในซึ่งมีขนาดเท่าหัวเข็มหมุดเล็กๆหนักประมาณ 1.7 มิลิกรัม และมีลักษณะเหมือนตัวแม่ทุกอย่างจะร่วงลงน้ำเริ่มกินพืชน้ำพวกสาหร่ายต่างๆ แล้วเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว
ขั้นตอนการเตรียมบ่อสำหรับเลี้ยงหอยเชอรี่
เตรียมพื้นที่สำหรับเลี้ยงหอยเชอรี่ เช่น กระชังใน บ่อดินธรรมชาติบ่อซีเมนต์ กระชังบก ก็ได้ ซึ่งหอยเซอรี่นั้น ถือว่าเป็นหอยที่เลี้ยงง่ายและโตไว แถมยังกินเก่ง โดยในขึ้นตอนการเตรียมบ่อนั้นให้เราใส่พืชน้ำ เช่น แหน ผักตบ ผักบุ้ง ทางมะพร้าว เศษไม้ สำหรับไว้ให้หอยเชอรี่เกาะ หรือ ผักพื้นถิ่นที่หาได้ตามธรรมชาติ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย การเตรียมสายพันธุ์ ซึ่งสามมารถที่จะเลี้ยงจาก พ่อแม่พันธุ์หอยเซอรี่สีทอง หรือ จะเลี้ยงจากไข่ก็ได้ (สีชมพูแก่ค่อนไปสีเทา) เพื่อนำมาปล่อยในพื้นที่เลี้ยงที่เตรียมไว้ เลี้ยงระยะเวลาประมาณ 4 เดือน ก็สามารถจับขาย ขนาดประมาณ 50 – 60 ตัว กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 50 – 80 บาท ขายตามร้านส้มตำ และร้านอาหารอีสานทั่วไป
อุปนิสัยการกินอาหาร
หอยเชอรี่กินพืชน้ำได้เกือบทุกชนิดที่มีลักษณะอ่อนนิ่ม เช่น แหน แหนแดง ไข่น้ำ ผักบุ้งผักกระเฉด สาหร่ายต่างๆ ยอดอ่อนผักตบชวา ต้นข้าวกล้า รวมถึงซากสัตว์ที่เน่าเปื่อยในน้ำโดยเฉพาะต้นข้าวมักจะกินระยะข้าวกล้ำาและปักดำใหม่ๆไปจนถึงระยะแตกกอ
ประโยชน์ของหอยเชอรี่
เนื้อหอยเชอรี่มีโปรตีนสูงถึง 34 53 เปอร์เซ็นต์ ไขมัน 1.66 เปอร์เซ็นต์ ใช้ประกอบอาหารได้หลายอย่างเช่น ส้มตำ หรือทำน้ำปลาจากเนื้อหอยเชอรี่ ใช้ทำเป็นอาหารสัตว์เลี้ยง เช่น เป็ด ไก่ สุกร เป็นต้น เปลือกก็สามารถปรับสภาพความเป็นกรดเป็นด่างของดินได้ ตัวหอยทั้งเปลือกถ้านำไปฝังบริเวณทรงพุ่มไม้ผล เมื่อเน่าเปื่อยก็จะเป็นปุ๋ยทำให้ต้นไม้เจริญเติบโตเร็ว และได้ผลผลิตดีไม่ควรบริโภคเนื้อหอยเขอรี่ในบริเวณที่อยู่ใกล้โรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยน้ำเสีย หรือบริเวณพื้นที่ที่มีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช
สถาบันหัวใจและปอดแห่งชาติของแคนาดา ระบุว่า หอยเชอรี่อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร คือเป็นแหล่งของวิตามินเอ วิตามินบีหนึ่ง ไทอามีน วิตามินบีสองไรโบเฟลวิน วิตามินบีสาม ไนอาซิน วิตามินชี กรดแอสคอร์บิคและวิตามินดี แคลซีฟีรอล การบริโภคหอยเชอรี่ช่วยให้ร่างกายได้รับแร่ธาตุประเภท แร่เหล็ก ทองแดงไอโอดีน แมกนีเซียม แคลเซียม สังกะสี แมงกานีส และฟอสฟอรัส อย่างไรก็ตาม หอยเซอรี่ดิบอาจมีพยาธิและแบคทีเรีย จึงควรหลีกเสี่ยง แต่ปัจจุบันหอยชนิดนี้เป็นสัตว์เศรษฐกิจที่ได้รับความนิยมอย่างสูงด้วยรสชาติที่อร่อย
บทความที่น่าสนใจ