มาทำความรู้จัก ปุ๋ยอินทรีย์ แบบละเอียดก่อนนำใช้งานกันครับ
ปุ๋ยอินทรีย์
ปุ๋ยอินทรีย์ คืออะไร
ปุ๋ยอินทรีย์ หมายถึง ปุ๋ยที่ได้หรือผลิตจากวัสดุอินทรีย์ ได้แก่ ซากพืช ซากสัตว์ รวมทั้งสิ่งขับถ่ายจากสัตว์ และเศษขยะต่าง ๆ ที่เป็นผลิตภัณฑ์ของสิ่งมีชีวิต ซึ่งผลิตด้วยกรรมวิธี ทำให้ชื้น สับ หมัก บด ร่อน สกัด หรือ วิธีการอื่น และวัสดุอินทรีย์ถูกย่อยสลายสมบูรณ์โดยกิจกรรมของจุลินทรีย์
ประโยชน์ของ ปุ๋ยอินทรีย์
- ช่วยเพิ่มอินทรียวัตถุให้แก่ดิน ทำให้โครงสร้าง ของดินดีขึ้น เช่น ทำให้ดินโปร่ง ร่วนซุย มีการระบายน้ำ การถ่ายเทอากาศดี ทำให้ระบบรากพืชเจริญเติบโตแผ่กระจายในดินได้ดีขึ้น สามารถดูดน้ำและธาตุอาหารในดินไปให้พืชใช้ได้มากขึ้น ช่วยปรับสภาพความเป็นกรดเป็นด่างของดิน ให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช
- เป็นแหล่งธาตุอาหารพืชครบถ้วนตามที่พืชต้องการ ทั้งธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง และธาตุอาหารเสริมโดยจะค่อย ๆ ปลดปล่อยธาตุอาหารพืชอย่างช้า ๆ และอยู่ในดินได้นาน จึงมีโอกาสสูญเสียน้อยกว่าปุ้ยเคมี และเมื่อใส่ร่วมกับปุ๋ยเคมีจะช่วยส่งเสริมให้การใช้ปุ๋ยเคมีมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
- ช่วยเพิ่มแหล่งอาหารให้แก่จุลินทรีย์ในดิน ทำให้ปริมาณและกิจกรรมของจุลินทรีย์ดินเพิ่มขึ้น ช่วยย่อยสลายอินทรียวัตถุในดินให้แปรสภาพเป็นธาตุอาหารพืชได้มากขึ้น และจุลินทรีย์บางชนิดช่วยยับยั้งจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของโรคพืชได้ด้วย
ชนิดของปุ๋ยอินทรีย์
ปุ๋ยอินทรีย์สามารถจำแนกตามแหล่งที่มา ได้ 4 ขนิด ได้แก่
1. ปุ๋ยคอก
คือ ปุ๋ยอินทรีย์ที่ใด้จากสิ่งขับถ่ายของสัตว์ หรือมูลสัตว์ต่าง ๆ เช่น โค กระบือ แกะ ม้า สุกร เป็ด ไก่ ค้างคาว ก่อนนำไปใช้จะต้องหมักใว้ให้เกิดการย่อยสลายก่อน โดยทั่วไปจะมีปริมาณธาตุอาหารในโครเจนฟอสฟอรัส และโพแทสเชียม อยู่ในปริมาณค่อนข้างต่ำโดยเฉลี่ยทั่วไป จะมีในโตรเจนประมาณ 1-3.8% ฟอสฟอรัส 0.5-14.8% และโพแทสเซียม 0.6-1.8% ปุ๋ยคอกใหม่ ๆ จะมีปริมาณธาตุอาหารสูงกว่าปุ๋ยคอกที่เก่าและเก็บไว้นาน เนื่องจากส่วนของปุ๋ยที่ละลายไต้ง่ายจะถูกชะล้างออกไปหมด บางส่วนก็กลายเป็นก๊าชสูญหายไป ดังนั้น การเก็บรักษาปุ๋ยดอกอย่างระมัตระวังก่อนนำไปใช้จะช่วยรักษาคุณค่าของปุ๋ยลอกไม่ให้เสื่อมคุณค่าอย่างรวดเร็ว
2. ปุ๋ยหมัก
คือ ปุ๋ยอินทรีย์ที่ใด้จากการนำยากเศษพืชหรือวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาหมักและผ่านกระบวนการย่อยสลายโดยจุสินทรีย์ จนเปลี่ยนสภาพไปจากเดิมเป็นวัสดุที่มีลักษณะอ่อนนุ่ม เปื่อยยุ่ยไม่แข็งกระด้าง และมีสีน้ำตาลปนดำ การกองปุ๋ยหมักขนาด 1 ตัน ขนาดความกว้างกองประมาณ 2 เมตร ยาว 3 เมตร ความสูง 1.5 เมตร โดยแบ่งใส่วัสดุ 2-3 ชั้น แต่ละชั้นนำมูลสัตว์โรยที่ผิวหน้าและโรยปุ๋ยยูเรียทับบนชั้นมูลสัตว์ แล้วราดสารเร่งที่ผสมน้ำ ในอัตรา 1 ซอง ต่อน้ำ 20 ลิตร ย่ำให้แน่น ราดน้ำให้ชุ่ม ชั้นบนสุดปิดทับด้วยเศษพืชป้องกันการสูญเสียความชื้น ปุ๋ยหมัก 1 ตัน (ปุ๋ยหมักที่ย่อยสลายสมบูรณ์แล้ว) ได้จากการหมักวัสดุ เช่น ฟางข้าว หญ้าแห้ง ชังข้าวโพด ทลายปาล์ม ผักตบชวา กากอ้อย ปริมาณ 1.6 ตัน สารเร่งซุปเปอร์ พด.1 จำนวน 1 ซอง มูลสัตว์ 200 กิโลกรัม และปุ๋ยยูเรีย 2 กิโลกรัม ปริมาณธาตุอาหารในปุ๋ยหมักมีปริมาณธาตุในโตรเจน 0.4-2% ฟอสฟอรัส 0.1-1% และโพแทลเขียม 0.6-3%
3. ปุ๋ยพืชสด
คือ ปุ๋ยอินหรีย์ที่ใด้จากการไถกลบพืชสด ๆ ที่โตใด้ขนาดที่เหมาะสมลงในดิน ธาตุอาหารในพืชสดจะถูกย่อยสลายและปลดปล่อยให้พืชหลังจากผ่านการย่อยสลายในดิน ปริมาณธาตุอาหารในปุ๋ยพืชสดโตยเฉลี่ยจะมีค่าในโตรเจนอยู่ระหว่าง 2.0-3.2% ฟอสฟอรัส 0.1-0.6% และโพแทลเขียม 1-3.1%
4. น้ำหมักชีวภาพ
ได้จากการหมักขึ้นส่วนของพืชมัก ผลไม้ หรือสัตว์ชนิตต่าง ๆ กับกากน้ำตาล และน้ำ ผ่านกระบวนการย่อยสลายโตยจุสินทรีย์ ผลิตภัณฑ์ที่ใต้ประกอบด้วยสารต่าง ๆ เช่น ธาตุอาหารพืช ฮอร์โมน กรดอมิโน กรดฮิวมิก กรดอินทรีย์เอ็นใซม์ วิตามิน มีผลต่อการส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชกระตุ้นการงอกของราก ช่วยให้พืชแข็งแรงต้านทานต่อโรคและแมลง ผลผลิตเพิ่มขึ้น สีสัน และรสชาติดีกว่าเดิม ช่วยยืดอายุการเก็บรักษาผลผลิต โดยมีปริมาณธาตุอาหารในโตรเจนประมาณ 0.1-1% ฟอสฟอรัส 0.3-1.1% และโพแทสเซียม 0.4-1%
ขั้นตอนวิธีการทำ
สูตรผักและผลไม้
- ผักหรือผลไม้ 40 กิโลกรัม
- กากน้ำตาล 10 กิโลกรัม
- น้ำ 10 ลิตร
- สารเร่งซุปเปอร์ พด2 จำนวน 1 ซอง
สูตรสัตว์ เช่น ปลาหรือหอยเซอรี่
- ปลา หรือหอยเชอรี่ 30 กิโลกรัม
- กากน้ำตาล 10 กิโลกรัม
- น้ำ 10 ลิตร
- สารเร่งซุปเปอร์ พด2 จำนวน 1 ซอง
วิธีการทำ
หั่นหรือสับวัสดุให้เป็นขึ้นเล็ก ๆ ผสมกับกากน้ำตาลในถังหมัก ใส่สารละลายสารเร่งซุปเปอร์ พด2 (เตรียมโดยใช้ จำนวน 1 ซอง ผสมน้ำ 10 ลิตร คนให้เข้ากันประมาณ 5 นาที) ลงในถังหมัก ปิดฝ่าไม่ต้องสนิท วางในที่ร่ม ในระหว่างการหมัก คน 1-2 ครั้งต่อวัน เพื่อระบายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จะเห็นมีฝ่าขาวเกิดขึ้นซึ่งเป็นเชื้อจุสินทริย์ และมีกลิ่นแอลกอออส การพิจารณาน้ำหมักที่สมบูรณ์แล้ว คราบเชื้อจุลินทรีย์ลดลง ไม่พบฟองก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ กลิ่นแอลกอฮอล์สดลง
อัตราและวิธีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์
ปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมัก
- ข้าว : ใช้ปุ๋ยลอกหรือปุ๋ยหมัก 2 ตันต่อไร่ โดยหว่านให้ทั่วพื้นที่แล้วไถกลบก่อนการปลูกพืช
- พืชไร่ : ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก 2 ตันต่อไร่ โดยโรยเป็นแถวตามแนวปลูกพืชแล้วคลุกเคล้ากับดิน
- พืชผัก : ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก 4 ตันต่อไร่ โดยหว่านทั่วแปลงปลูกไตกลบขณะเตรียมดิน
- ไม้ผล ไม้ยืนต้น : ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ้ยหมัก ดังนี้ เตรียมหลุมปลูก ใช้ 20 กิโลกรัมต่อหลุม โดยศลุกเคล้าปุ๋ยหมักกับตินใส่รองกันหลุม ต้นพืชที่เจริญแล้ว ใช้ 20 – 50 กิโลกรัมต่อตัน ขึ้นกับอายุของพืช โดยชุตร่องตามแนวทรงพุ่ม ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในร่องและกลบห้วยดินหรือหว่านให้ทั่วภายใด้ทรงทุ่มไม้ตัดดอก ใช้ปุ๋ยศอกหรือปุ๋ยหมัก 2 ตันต่อไร่
- ไม้ดอกยืนต้น : ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก 5-10 กิโลกรัม ต่อต้น

ที่มา : www.sansaifang.go.th
ปุ๋ยพืชสด
ระยะเวลาที่เหมาะสมในการไถกลบพืชเพื่อให้ได้ปุ๋ยพืชสดที่ดี คือระยะออกดอกเต็มที่ ส่วนใหญ่แล้วนิยมใช้พืชตระกูลถั่ว ในที่สุ่ม ดินเค็มควรปลูกโสนอัฟริกัน ในที่ตอนควรปลูก ปอเที่อง ถั่วพร้า ถั่วพุ่ม และถั่วเขียว โดยส่วนใหญ่จะทำการไถกลบเมื่ออายุระหว่าง 45 – 60 วัน ปล่อยให้เน่าสลายกลายเป็นปุยประมาณ 2 สัปดาห์ แล้วจึงปลูกพืชหลักตาม
น้ำหมักชีวภาพ
ข้าว
- แซ่เมล็ดพันธุ์ โดยใช้น้ำหมักชีวภาท 2 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 1 ปี๊บ ต่อเมล็ดข้าว 20 กิโลกรัม เป็นเวลา 12 ชั่วโมง นำขึ้นพักห่อผ้าไว้ แล้วนำไปปลูก
- ช่วงเตรียมดิน ใช้น้ำหมักชีวภาพ 5 ลิตร ต่อไร่ ฉีดพ่นหรือรดลงดินระหว่างเหรียมดินหรือก่อนไถกลบตอซัง
- ช่วงการเจริญเติบโต น้ำหมักชีวภาพ 15 ลิตร ต่อไร่ เมื่อข้าวอายุ 30-50 วัน และ 60 วัน ฉีดพ่นหรือใส่ลงในนาข้าว
พืชอื่น ๆ
น้ำหมักชีวภาพ 4 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 4 ปิ๊บต่อไร่ ฉีดพ่นหรือรดลงดินทุก 7-10 วัน
ข้อจำกัดของปุ้ยอินทรีย์
- ปุ๋ยอินทรีย์มีธาตุอาหารพืชอยู่น้อย หากต้องการให้พืชได้รับธาตุอาหาร เพื่อยกระดับผลผลิตให้ได้เท่ากับการใช้ปุ๋ยเคมี จะต้องใช้ปุ๋ยอินทรีย์เป็นจำนวนมาก มีค่าใช้จ่ายในการขนส่งสูง และใช้แรงงานในการใส่ปุ๋ยมากกว่าการใส่ปุ๋ยเคมี
- การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ไม่สามารถปรับแต่งปุ๋ยให้เหมาะสมกับดินและพืชได้ เนื่องจากแหล่งของปุ๋ยอินทรีย์ได้มาจากซากพืชและสัตว์ มีความผันแปรของธาตุอาหารพืชต่าง ๆ ในปุ๋ย ทำให้ไม่สามารถปรับสมดุลของธาตุอาหารพืชในดินได้ เมื่อเปรียบเทียบกับปุ๋ยเคมี
- ปุ๋ยอินทรีย์บางชนิดอาจมีโลหะหนักหรือสารพิษปนเปื้อน โดยเฉพาะปุ๋ยหมักที่ทำจากขยะที่รวบรวมจากเมืองใหญ่ หรือวัสดุเหลือทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรม เมื่อพืชดูดขึ้นไปใช้ คนหรือสัตว์ที่บริโภคผลผลิตนั้น อาจได้รับผลกระทบต่อสุขภาพได้
ที่มา : กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
บทความที่น่าสนใจ