เผยเคล็ดลับ ทำเงาะนอกฤดู เพิ่มมูลค่า กำไรงามๆ
สวัสดีครับบทความนี้เราจะมา เผยเคล็ดลับ ทำเงาะนอกฤดู เพื่อเพิ่มมูลค่ากันครับ เงาะ เป็นไม้ผลเขตร้อนที่มีพื้นที่ปลูกในแหล่งเดียวกับทุเรียน มังคุดและลองกองเนื่องจากผลผลิต จะออกสู่ตลาดในช่วงเดียวกัน จึงส่งผลให้ราคาค่อนข้างตกต่ำ ดังนั้นการส่งเสริมผลิตเงาะนอกฤดูจึงเป็นแนวทางหนึ่ง ที่จะช่วยลดปริมาณผลผลิตในฤดูให้มีผลผลิตออกสู่ตลาดช่วงที่ไม่ทับซ้อนกัน ซึ่งจะช่วยให้ราคาเงาะมีราคาสูงขึ้น
วิธีการและขั้นตอน
การเตรียมความพร้อมของต้นเงาะ มีขั้นตอนดังนี้
การเลี้ยงใบชุดที่ 1
- ตัดแต่งกิ่ง ทันทีหลังจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตเพื่อให้เงาะแตกใบอ่อนได้เร็วขึ้น และมีเวลาพอที่จะทำให้เงาะแตกใบอ่อน 2 ครั้ง โดยตัดแต่งกิ่งแห้ง กิ่งฉีกหัก กิ่งกระโดง กิ่งแซม กิ่งซ้อนทับ กิ่งที่ถูกโรคและแมลงทำลาย รวมทั้งการตัดแต่งเพื่อควบคุมทรงพุ่มไม่ให้ทรงพุ่มเบียดชิดกัน
- ใส่ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยคอก ประมาณ 20-30กิโลกรัม/ต้น 2-3 ครั้งแล้วแต่ความเหมาะสม
- ใส่ปุ๋ยเคมี ใส่สูตร เช่น 16-16-16 ปริมาณ กิโลกรัม เท่ากับ 1/2 ของอายุต้น โดยแบ่งใส่ 2 ครั้ง
- การให้น้ำ ควรให้น้ำทันทีเพื่อให้ปุยละลาย
- ฉีดพ่นสารสกัดจากสาหร่ายทะเล อัตรา 200 มิลลิลิตร/น้ำ 200 ลิตรหรือใช้ไทโอยูเรีย 0.5% อัตรา 100 กรัม/น้ำ 20 ลิตร เพื่อเร่งให้แตกใบอ่อน
- หลังฉีดพ่นสารสกัดสาหร่ายทะเลหรือไทโอยูเรียประมาณ 7-10 วันเงาะจะแสดงอาการแตกยอดอ่อนใหม่
การเลี้ยงใบชุดที่ 2
หลังจากเลี้ยงใบชุดที่ 1 ให้เป็นใบแก่จะใช้เวลาประมาณ 60 วัน
- ตัดแต่งกิ่ง เช่น กิ่งแซม กิ่งกระจุก กิ่งน้ำค้าง กิ่งโรคและแมลงทำลาย กิ่งแห้ง
- ให้ปุ๋ยคอกหรือปุ้ยอินทรีย์เหมือนกับครั้งแรก
- ปุ๋ยเคมีใช้สูตร 16-16-16 ปริมาณที่ใช้เท่าครั้งแรกแบ่งใส่ 2 ครั้ง ให้น้ำสม่ำเสมอ
การเตรียมความพร้อม เพื่อการออกดอก
ช่วงปลายฤดูฝนหลังจากที่เงาะแตกใบอ่อนชุดที่ 2 เข้าสู่ระยะใบเพสลาดให้เตรียมการสำหรับการออกดอกที่ดีมีคุณภาพ ดังนี้
- ใส่ปุ๋ยเคมี สูตร 8-24-24, 9-24-24, 12-24-12 ปริมาณที่ให้เป็นกิโลกรัมเท่ากับ 1/2 ของอายุต้น อายุ 4 ปี ให้ใส่ปุ๋ยปริมาณ 2 กิโลกรัม/ต้น
- งดการให้น้ำ ประมาณ 20 วันแล้ว ใบเงาะเริ่มแสดงอาการเหี่ยว ใบสีเหลืองลู่ลงปลายยอดตั้งขึ้น แห้งแข็ง ใบล่างของกิ่งร่วงประมาณ 2 ชั้นใบ ควรให้น้ำทันที
การดูแลเงาะระยะแทงช่อถึงผลแก่
ระยะนี้ให้ควรให้น้ำเงาะอย่างสม่ำเสมอ ช่อดอกเงาะเริ่มยาวขึ้น ดังนี้
- ระยะช่อสะเดา ดอกเงาะมีลักษณะเป็นช่อดอกก้านช่อใหญ่ เรียงรายกันจนถึงปลายสุด ดอกมีขนาดเล็ก ทรงกลมคล้ายหัวเข็มหมุด มองดูคล้ายเหมือนดอกสะเดาระยะชอสะเดา
- ระยะดอกบาน เป็นช่วงมีความสำคัญของการติดผลซึ่งต้องอาศัยแมลงมาช่วยผสมเกสร เมื่อช่อดอกเงาะบานได้ 20% ของช่อ ให้เร่งฉีดพ่นสารแพลนโนฟิกส์ อัตรา 1 มิลลิลิตร/น้ำ 1 ลิตร (1,000 ppm) ของทรงพุ่ม จะช่วยให้ต้นเงาะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นดอกตัวผู้ ทำให้การผสมเกสรติดเป็นผลสมบูรณ์ หากไม่ทำการชักนำดอกเพศผู้ เมื่อเกิดการผสมก็จะทำให้ต้นเงาะมีการผสมไม่สมบูรณ์ หรือที่นิยมเรียกว่า เงาะขี้คอก ซึ่งเป็นเงาะที่มีขนาดเล็ก อาจมีเนื้อแต่ไม่มีเมล็ด หรืออาจเป็นผลไม่มีเนื้อเลยก็ได้
- ระยะดอกโรย หลังจากดอกเงาะโรยประมาณ 7-10 วัน ซึ่งเป็นระยะที่ดอกเงาะมีการผสมเกสรสมบูรณ์แล้ว เพื่อให้ผลเงาะขนาดเล็กเพิ่มขนาดเร็วขึ้น โดยการฉีดพ่นสารสกัดจากสาหร่ายทะเล อัตรา 200 มิลลิสิตร ผสมยูเรีย 46-0-0 อัตรา500 กรัม/น้ำ 200 ลิตร ในระยะนี้ยังคงต้องหมั่นระวังศัตรูเงาะเพลี้ยไฟ
- ระยะผลขยาย ระยะนี้ผลเงาะเริ่มมีขนาดโต มีขนยาวและมีการเจริญเติบโตค่อนข้างเร็ว ให้หมั่นสังเกตปริมาณความดกและความสมบูรณ์ของต้นเงาะ เงาะต้นใดติดผลมาก และต้นไม่สมบูรณ์ ให้ทำการให้ปุยเพิ่มทางดินสูตร 16-16-16 อัตรา(ปริมาณเป็นกิโลกรัม = 1/2 ของอายุต้น) หรืออาจให้ปุ๋ยเกล็ดพ่นทางใบ ในช่วงสายซึ่งเป็นช่วงปากใบเปิดก็ได้ ปุ้ยทางใบเหมาะสำหรับแปลงปลูกเงาะที่มีน้ำน้อย การฉีดพ่นทุก 10 วัน ประมาณ 2-3 ครั้ง ระยะนี้ยังคงหมั่นเฝ้าระวังหนอนเจาะขั้ว หากพบให้กำจัดโดยใช้สารเคมี เซฟวิน 85% WP 20-30 กรัม/น้ำ 20 ลิตร และราแป้งหากพบต้องกำจัดโดยใช้กำมะถันผง 300-500 กรัม/น้ำ 200 ลิตร
- ระยะผลพัฒนา ช่วงนี้เงาะมีเนื้อเกือบสมบูรณ์แล้วผลโต ผลสีเขียวใส ให้ทำการใส่ปุยพัฒนาคุณภาพสูตรได้แก่ 13-13-21 แมงกานีส ในเกษตรกรบางรายใช้ 8-24-24 หรือ 9-24-24 ซึ่งจะทำให้ฟอสฟอรัสตกค้างในดินค่อนข้างมาก การใส่ปุ๋ยตัวท้ายสูงนี้ทำให้เงาะเนื้อแน่นกรอบหวานดีกว่าเงาะ ที่ไม่ใส่ปุ๋ยเลย ซึ่งเนื้อนิ่มและรสชาติจืด
แมลงศัตรูเงาะที่สำคัญ ได้แก่
- หนอนคืบ เป็นตัวอ่อนของหนอนผีเสื้อการเข้าทำลายหนอนจะเข้ากัดกินยอดอ่อน ใบอ่อน ทำให้ต้นเงาะขาดใบที่ทำหน้าที่สังเคราะห์แสง หากพบระบาดให้ใช้สารเคมี กำจัดแมลง ได้แก่ คาร์บาริล (เซฟวิน 85% WP) อัตรา 60 กรัม/น้ำ 20 ลิตร
- เพลี้ยไฟ มักจะเข้ามาดูดกินน้ำเลี้ยงจากยอดอ่อนและใบอ่อนขนาดเล็ก ทำให้ยอดอ่อนและขอบใบแห้ง หากเป็นมากทำให้ใบอ่อนร่วงเหลือแต่ยอด ควรฉีดพ่นด้วยแลมบ์ดาไซฮาโลทรินอัตรา 10 มิลลิลิตร/น้ำ 20 ลิตร คาร์โบซัลแฟน อัตรา 50 มิลลิลิตร/น้ำ 20 ลิตร หรือ อิมิดาโคลพริล อัตรา 10 มิลลิลิตร/น้ำ 20 ลิตร
- แมลงค่อมทอง เป็นด้วงขนาดเล็ก ลำตัวเป็นรูกระสวย ตัวแก่มักจะกัดกินใบอ่อนจนขาดเกือบทั้งใบใช้คาร์บาริล (เซฟวิน 85% WP)อัตรา 30 กรัม/น้ำ 20 ลิตรฉีดพ่น
- หนอนเจาะกิ่ง มักจะระบาดในช่วงฤดูฝน โดยตัวอ่อนของหนอนจะกัดกินเข้าเนื้อไม้ ลึกเข้าไปในบริเวณไส้กิ่งเป็นแนวยาวทำให้ยอดของกิ่งที่ถูกหนอนทำลายเหี่ยวแห้ง หากพบขี้หนอนใหม่และกึ่งยังไม่เหี่ยวแห้ง ให้กำจัดโดยใช้สารเคมีป้องกันกำจัดแมลง เช่น เมโทมิล 40% SP ผสมน้ำเข้มข้น แล้วใช้สลิงสูบน้ำยาเคมีที่ผสมน้ำเข้มข้น ฉีดเข้าทางปากแผลที่ขี้หนอนหล่นออกมาแล้วอุดด้วยดินน้ำมัน หรือดินเหนียวทำให้ตัวหนอนที่อยู่ภายในกิ่งตาย
โรคที่สำคัญ
- โรคราแป้ง เกิดจากเชื้อรา สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการระบาดของราแป้ง ในช่วงเงาะแทงช่อดอกติดผลอ่อนเป็นช่วงที่อากาศเย็น มีความชื้นสูง โดยเชื้อราขึ้นปกคลุมช่อและผลอ่อน เป็นฝุ่นสีขาวคล้ายแป้ง ทำให้ผลอ่อนร่วงหรือแคระแกร็น ไม่สามารถพัฒนาต่อไปเป็นเงาะที่สมบูรณ์ได้และเชื้อราจะเกาะตามซอกขน ปลายขน ทำให้ปลายขนกุดจนเกรียน ผิวกร้าน และเชื้อนี้สามารถทำลายเงาะในระยะใบอ่อนหรือต้นกล้าได้อีกด้วยในช่วงเงาะระยะเงาะติดผลขนาดเล็ก ควรสังเกตการระบาด ช่วงอากาศขึ้น เย็น หากพบให้ตัดช่อเงาะที่ถูกทำลาย หรือกิ่งที่ถูกทำลายไปเผาทิ้งและพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดเชื้อรา ได้แก่ กำมะถันผง อัตรา 40 กรัม/น้ำ 20 ลิตร พ่นเช้า เย็น หากไม่ได้ผลให้พ่นด้วยสารเคมี เบโนมิล อัตรา 10 กรัม/น้ำ 20 ลิตร หรือ ไดโนแคป อัตรา 15-20 กรัม/น้ำ 20 ลิตร
- โรคราดำ เกิดจากเชื้อราจะเข้าทำลายทั้งใบ กิ่งช่อดอก และผล ถ้าทำลายบนผล ทำให้ผลเงาะมีเขม่าดำปกคลุมทั่วทั้งผล ในช่วงอากาศมีความชื้นสูง พ่นสารเคมี ราดำคาร์บาริล (เซฟวิน 85% WP) อัตรา 60 กรัม/น้ำ 20 ลิตร ในช่วงเงาะกำลังแตกใบอ่อนและช่วงแทงช่อดอก เพื่อป้องกันแมลงปากดูด
- โรคผลเน่า เกิดจากเชื้อรา ระบาดในช่วงฝนตกชุกโดยเข้าทำลายบนผลเป็นรอยช้ำจุดเป็นสีน้ำตาล และเน่าลุกลามขยายใหญ่ขึ้น แผลค่อยลุกลามและเปลี่ยนสีเป็นสีดำพ่นด้วยสารเคมี เมทาแลคซีล 25% WP อัตรา 20 กรัม/น้ำ 20 ลิตร แคปแทน 50% WP อัตรา ผลเน่า 40-50 กรัม/น้ำ 20 ลิตร และควรหยุดพ่นก่อนการเก็บเกี่ยว 15-20 วัน
การเก็บเกี่ยว
- เงาะจากดอกบาน ถึงผลแก่เก็บเกี่ยวได้ อายุประมาณ 120 วัน ผลจะเริ่มเป็นสีแดง ขนสีเขียว
- เงาะสีแดงเข้มจะมีอายุวางตลาดค่อนข้างสั้น ส่วน 2 สีเหลืองอมแดงจะมีอายุวางตลาดได้นานขึ้น ดังนั้น การเลือกเก็บเงาะต้องพิจารณาตลาดที่จะขนส่งเงาะไปจำหน่ายมีระยะทางและใช้เวลาสั้นหรือยาว ถ้าเงาะแดงก็เหมาะสม
สำหรับการขนส่งในระยะใกล้ๆ แต่ถ้าเงาะ 2 สี ก็เหมาะสมสำหรับการขนส่งในระยะทางไกลๆ จะทำให้เงาะมีสีสวยสดและคุณภาพเนื้อดี
ที่มา : กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
บทความที่น่าสนใจ